Category Archives: บทความ

Sarms ซื้อที่ไหน

Sarms ซื้อที่ไหน? แนะนำแหล่งซื้อ Sarms ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

Sarms ซื้อที่ไหน? แนะนำแหล่งซื้อ Sarms ที่ปลอดภัยและได้ผลจริง

Sarms (Selective Androgen Receptor Modulators) กำลังเป็นที่นิยมในวงการฟิตเนสและเพาะกาย เพราะมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มกล้าม ลดไขมัน และเร่งการฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “Sarms ซื้อที่ไหน ถึงจะปลอดภัย ได้ของแท้ และเห็นผลจริง?”

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ Sarms แบบเจาะลึก พร้อมแนะนำวิธีเลือกซื้อให้ไม่โดนของปลอม และมีลิงก์สำหรับสั่งซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือในตอนท้าย

Sarms ซื้อที่ไหน


Sarms คืออะไร?

Sarms คือสารประกอบที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเพศชาย (androgen) แต่มีความเฉพาะเจาะจงในการจับกับตัวรับของกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้เกิดผลเหมือนการใช้สเตียรอยด์ แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า จึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ต้องการ:

  • เพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบ Lean Muscle

  • ลดไขมันโดยไม่สูญเสียกล้ามเนื้อ

  • ฟื้นตัวไวหลังการออกกำลังกายหนัก


ประเภทของ Sarms ยอดนิยม

  1. Ostarine (MK-2866): เน้นเพิ่มกล้ามและความแข็งแรง

  2. Ligandrol (LGD-4033): ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและพลัง

  3. Cardarine (GW-501516): เน้นเบิร์นไขมันและเพิ่มความอึด

  4. RAD-140 (Testolone): มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน

  5. YK-11: สร้างกล้ามแบบจัดเต็ม เหมาะสำหรับสาย Hardcore


ทำไมต้องระวังตอนเลือกซื้อ Sarms?

ตลาด Sarms เต็มไปด้วยของปลอม ของเจือปน หรือสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากแหล่งที่ไม่ชัดเจน เช่น:

  • สารปลอมปนที่อาจเป็นอันตราย

  • ปริมาณสารจริงไม่ตรงฉลาก

  • ไม่มีเอกสาร Lab Test รับรองคุณภาพ

  • ขาดการดูแลหลังการขาย

ดังนั้นการซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้จึงสำคัญมาก


เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจซื้อ Sarms

ก่อนกดสั่งซื้อ Sarms ควรพิจารณา 5 ข้อนี้:

มีใบรับรอง Lab Test – ควรมี Certificate of Analysis (COA) ยืนยันความบริสุทธิ์
แหล่งผลิตน่าเชื่อถือ – ดูว่าโรงงานหรือแบรนด์มีมาตรฐาน GMP หรือไม่
รีวิวจากผู้ใช้จริง – ดูรีวิวหรือผลลัพธ์จากคนที่เคยใช้จริง
ไม่โอ้อวดเกินจริง – ถ้าโปรโมตเว่อร์เกินเหตุ ให้ระวังของปลอม
มีบริการให้คำแนะนำ – ถ้ามีทีมงานคอยตอบคำถามหรือแนะนำยิ่งดี


Sarms ซื้อที่ไหน ถึงปลอดภัย?

หากคุณกำลังมองหา Sarms ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และได้รับรีวิวดีจากผู้ใช้งานจริง เราขอแนะนำให้สั่งซื้อผ่านลิงก์นี้:

สั่งซื้อ Sarms ของแท้ คลิกที่นี่เลย

✅ ได้รับสินค้าจากแหล่งนำเข้าโดยตรง
✅ มี Lab Test ยืนยันความบริสุทธิ์
✅ บริการให้คำปรึกษาฟรีทั้งก่อนและหลังการใช้งาน
✅ ส่งไว ปลอดภัย มีระบบติดตามสินค้า


เปรียบเทียบการซื้อ Sarms จากแหล่งทั่วไป vs แหล่งที่แนะนำ

รายละเอียด แหล่งทั่วไป (เสี่ยง) ลิงก์แนะนำ (คลิกที่นี่)
ความปลอดภัย ❌ ไม่มี Lab Test ✅ มีใบรับรองชัดเจน
การจัดส่ง ❌ ไม่แน่นอน ✅ ส่งไว เชื่อถือได้
การให้คำปรึกษา ❌ ไม่มี ✅ ตอบไว ให้คำแนะนำทุกขั้นตอน
รีวิวจากผู้ใช้ ❌ ปลอมเยอะ ✅ รีวิวจากลูกค้าจริง

คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนใช้ Sarms

  • ศึกษาวิธีใช้ให้ละเอียด (เช่น ปริมาณ, ระยะเวลา, การทำ PCT)

  • ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 8–12 สัปดาห์

  • ควรทำ Post Cycle Therapy (PCT) หลังใช้เสมอ

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sarms

Q: Sarms ผิดกฎหมายหรือไม่?
A: ในหลายประเทศ Sarms ยังไม่ถูกอนุมัติสำหรับใช้กับมนุษย์ (ใช้เพื่อการวิจัย) แต่สามารถซื้อขายในฐานะสินค้าเสริมสุขภาพได้ในบางพื้นที่ รวมถึงออนไลน์

Q: ต้องใช้ PCT หลังจากใช้ Sarms หรือไม่?
A: ควรใช้ โดยเฉพาะหากใช้ตัวที่มีผลต่อฮอร์โมน เช่น RAD-140 หรือ YK-11

Q: ใช้ Sarms แล้วต้องออกกำลังกายไหม?
A: ต้องออกกำลังกายเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งเรื่องกล้ามเนื้อและลดไขมัน


สรุป: อยากได้ Sarms ของแท้ ต้องซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้!

การจะได้ผลลัพธ์จากการใช้ Sarms ที่ดีและปลอดภัยนั้น ขึ้นอยู่กับแหล่งที่คุณซื้อ หากคุณไม่อยากเสี่ยงกับของปลอมและอยากเริ่มต้นอย่างมั่นใจ

คลิกเลย ซื้อ Sarms ของแท้ที่นี่
บริการครบวงจร ปลอดภัย ได้ผลจริง รับประกันความพึงพอใจจากลูกค้ามากมาย!

Test E 250 หรือ 300 ใช้ยังไง ?

บทความนี้จะมาทำความรู้จัก Test E หรือ Testosterone Enanthate อย่างละเอียดและวิธีการใช้กันครับ ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก Test E กันก่อน

Test E หรือ Testosterone Enanthate

คือ สเตียรอยด์ Androgen-Anabolic หรือที่เราเรียกกันย่อว่า AAS ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ซึ่งมันจะมี Ester “Enanthate” ติดอยู่ ทำให้มีค่าครึ่งชีวิต (Half-Life) ที่อยู่ในร่างกายออกฤทธิ์ได้นาน

Half-Life หรือ ค่าครึ่งชีวิตของ Test E

Test E เป็น Steroid Ester ที่ถูกออกแบบมาให้มีการปลดปล่อยฤทธิ์ออกอย่างช้า ช้า และมีประสิทธิภาพยาวนาน ค่าครึ่งขีวิต (Half-Life) อยู่ประมาณ 4-5 วัน โดยส่วนใหญ่จะนิยมให้ใช้สัปดาห์และ 2 ครั้ง / สัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น จันทร์ และ พฤหัสบดี

กลไกการทำงานของ Test E

เมื่อเราฉีด Test E เข้าสู่กล้ามเนื้อ Test E จะเข้าสู่กระแสเลือดและถูก Esterase ย่อยสลาย ทำให้ฮอร์โมนเพศชายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างช้า ช้า ส่งผลให้

  • กระตุ้นการ สังเคราะห์โปรตีน และ เพิ่มไนโตรเจนในกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง (RBC) เพิ่มออกซิเจนในเลือด
  • กระตุ้นตัวรับ Androgen Receptor (AR) ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ
  • ลดการสลายของมวลกล้ามเนื้อ (Anti-Catabolic Effect)

การใช้ Test E ทางการแพทย์

Test E ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในทางการแพทย์สำหรับ

  • การบำบัดแทนฮอร์โมน (TRT)
  • รักษาภาวะฮอร์โมนต่ำในผู้ชาย (Hypogonadism)
  • ใช้ในการกระตุ้นพัฒนาเด็กผู้ชายที่มีภาวะ Puberty Delay
  • ใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อลีบ เช่น HIV/AIDS

Test E 250 และ 300 คืออะไร ?

Test E 250 หรือ 300 คำว่า 250 และ 300 คือ Dose ต่อ 1 ml ที่เราจะได้รับครับ วิธีใช้ยกตัวอย่างเช่น

  • ใช้ จันทร์ 0.5 ml (125) พฤหัสบดี 0.5 ml (125) = 250 mg / สัปดาห์
  • ใช้ จันทร์ 1 ml (250) พฤหัสบดี 1 ml (250) = 500 mg / สัปดาห์

ส่วนตัว Test E 300 ก็ใช้คำนวณหลักการเดียวกับตัว 250 เพียงแต่ปริมาณ 1 ml จะได้ 300 mg

ปริมาณที่แนะนำสำหรับ Test E

  • มือใหม่ ควรใช้ปริมาณที่น้อย 250 mg ต่อสัปดาห์
  • สำหรับสายแข่งขัน แนะนำปริมาณ 500 – 1000 mg ต่อสัปดาห์
  • ระยะเวลาที่ใช้ 2 ครั้ง / สัปดาห์
  • Stack ที่นิยมใช้คู่กัน Test E + Deca หรือ Test E + EQ ช่วง Cut นิยมใช้ Test E + Winstrol + Anavar

สรุป Test E 250 และ 300

Testosterone Enanthate หรือ Test E คือฮอร์โมนเพศชายรูปแบบหนึ่ง ใช้เพื่อกระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย และ 250 กับ 300 คือปริมาณที่ได้รับต่อ 1 ml ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง / สัปดาห์ Test E เป็นฮอร์โมนพื้นฐานสำหรับมือใหม่หรือระดับโปรที่ต้องใช้

Meditech Test E 250 Testostorone Enanthate

Pharmacom Test E 300 Testosterone Enanthate

SR9009 เพิ่มพละกำลังและระบบเผาผลาญ

Stenabolic หรือที่เราเรียกกันว่า SR9009 เป็นสารประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่ม Rev-Erb Agonist พัฒนาโดย The Scripps Research Institute มันถูกวิจัยมาเพื่อศึกษาผลกระทบต่อระบบนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) และการเผาผลาญไขมัน

ประโยชน์ของ SR9009

SR9009 ไม่มีคุณสมบัติเป็น SARMs แต่มีผลต่อร่างกายในลักษณะคล้ายกัน โดยมีคุณสมบัติดังนี้

  • เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน กระตุ้นการใช้พลังงานและเผาผลาญ Calorie แม้ในขณะพัก
  • เพิ่มความทนทานและพละกำลัง ช่วยเพิ่มการใช้กลูโคสและออกซิเจน ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น
  • ลดไขมันในร่างกาย มีผลในการลดระดับไขมันสะสมโดยไม่กระทบต่อมวลกล้ามเนื้อ
  • ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล อาจช่วยลด LDL ไขมันเลว และเพิ่มระดับ HDL ไขมันดี
  • ปรับสมดุลนาฬิกาชีวภาพ มีผลต่อระบบการนอนหลับและการตื่นตัว

Half-Life ของ SR9009

ค่าครึ่งชีวิตของ SR9009 ประมาณ 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นควรแบ่งกินหลายครั้งต่อวัน เพื่อรักษาระดับของสารให้คงที่

เวลาที่เหมาะสมในการใช้ SR9009

  • ก่อนออกกำลังกาย ถ้าต้องการเพิ่มพละกำลังและความทนทาน ควรใช้ 30-60 นาที ก่อนออกกำลังกาย
  • สำหรับคนที่อยาดแบ่งกินหลายเวลา เช้า – กลางวัน และก่อนนอน (ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการนอน)
  • ใช้ 8-12 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและพักใช้หลังจบคอร์ส

ข้อควรระวังของ SR9009

  • อาจมีผลข้างเคียง เช่น นอนไม่หลับ, อ่อนเพลีย, ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
  • อาจถูกจัดเป็นสารต้องห้ามในการแข่งขันกีฬา

S9009 เปรียบเหมือส Pre-Workout ?

  • เพิ่มพละกำลังและความทนทาน SR9009 ช่วยเพิ่มการใช้พลังงานและออกซิเจนในกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น คล้ายกับกาากระตุ้นใน Pre-Workout เช่น คาเฟอีน
  • เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ช่วยให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานมากขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย
  • ช่วยลดความเหนื่อยล้า อาจช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการออกกำลังกายหนัก

SR9009 ใช้เป็น Pre-Workout ได้ไหม ?

ใช้เป็น Pre-Workout ก่อนออกกำลังกายได้ แต่จะมีความแตกต่างกับอาหารเสริมที่ทำมาสำหรับ Pre-Workout โดยตรง

ความแตกต่างระหว่าง SR9009 กับ Pre-Workout

  • ไม่มีสารกระตุ้น (Stimulant-Free) SR-9009 ไม่ทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือรู้สึกตื่นตัวเหมือนคาเฟอีน
  • ไม่ให้พลังงานแบบเฉียบพลัน Pre-Workout มักถูกทำมาเพื่อให้พลังงานอย่างรวดเร็ว แต่ SR9009 ทำงานโดยกสรกระตุ้น
  • ออกฤกธิ์ได้นานกว่า SR9009 มีผลต่อร่างกายทั้งวัน ไม่ใช่แค่ชั่วคราวก่อนออกกำลังกาย

สรุป SR9009

SR9009 สำหรับใครที่กำลังหาตัวช่วยเพิ่มพละกำลังและเพิ่มอัตราการเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกาย เจ้า SR9009 จะตอบโจทย์มากครับ ยิ่งใส่ในช่วง Cut ยิ่งทำให้ลดการเหนื่อยล้าจากการที่เราคาร์ดิโอหรือลดสารอาหาร

Sarms Combo SR9009 Stenabol

GW-501516 ช่วยลดไขมันได้จริงไหม ?

Cardarine หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ GW-501516 ถูกพัฒนาในช่วงปี 1990 โดยความร่วมมือกันระหว่าง GSK และ Ligand Pharmaceuticals มีเป้าหมายเพื่อรักษาภาวะ เช่น โรคอ้วน , โรคเบาหวาน , ภาวะไขมันในเลือดสูง และ โรคหัวใจ แม้ว่าจะมีผลลัพธ์เชิงบวกจากการทดลองในสัตว์ทดลอง แต่การพัฒนายาก็ถูกยกเลิกไปในภายหลัง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย

ถึงอย่างงั้น GW-501516 กลับได้รับความนิยมในกลุ่มนักกีฬาและนักเพาะกาย เนื่องจากมันสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพการเผาผลาญไขมันและเพิ่มความทนทานของร่างกายได้เป็นอย่างดี

การทำงานของ GW-501516

GW-501516 เป็น PPARδ (Peroxisome Proliferator Activated Receptor Delta) Agonist ซึ่งหมายความว่ามันออกฤทธิ์กระตุ้นตัวรับ PPARδ ที่มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันและพลังงานในร่างกาย

คุณสมบัติของ GW-501516

  • เพิ่มการเผาผลาญไขมัน

กระตุ้นการใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก ลดการสะสมไขมันในร่างกาย และลดระดับไขมันเลว LDL และเพิ่มไขมันดี HDL

  • เพิ่มความทนทานของร่างกาย

เพิ่มปริมาณไมโตคอนเดรียในกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เพิ่มความสามารถในการออกกำลังกายได้นานขึ้นโดยไม่เหนื่อยล้า

  • ลดความเสี่ยงของโรคอ้วนและภาวะดื้ออินซูลิน

ปรับปรุงความไวของอินซูลิน ทำให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ลดโอกาสเกิดภาวะเมตาบอลิกซินโดรม

GW-501516 ประโยชน์กับการออกกำลังกาย

แม้ว่า GW-501516 จะไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้ในทางการแพทย์ แต่ในกลุ่มนักกีฬาหลายคนเลือกใช้สารนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เพราะมันช่วยในเรื่องต่อไปนี้

  • ช่วยเผาผลาญไขมันได้เร็วขึ้น โดยไม่กระทบต่อมวลกล้ามเนื้อ
  • ทำให้ออกกำลัวกายได้นานขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมที่ใช้ความอดทนสูง เช่น การวิ่งและปั่นจักรยาน
  • ไม่มีผลกระทบต่อฮอร์โมน Testosterone ทำให้หลังใช้ไม่ต้องทำ PCT ผู้หญิงสามารถใช้ได้

องค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (WADA) ได้ระบุว่า GW-501516 เป็นสารต้องห้ามในกีฬาอาชีพ แสดงว่า GW-501516 มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มสมรรถภาพของนักกีฬาได้จริง

ปริมาณที่ใช้ GW-501516

  • เพิ่มการเผาผลาญไขมัน Fat Loss 10 – 15 มิลลิกรัม / วัน
  • เพิ่มความทนทาน Endurance 10 – 20 มิลลิกรัม / วัน
  • ระยะเวลาที่ใช้ 6 – 12 สัปดาห์ และพักอย่างน้อย 4 – 6 สัปดาห์

Half Life ของ GW-501516

ค่าครึ่งชีวิต (Half Life) ของ GW-051516 ประมาณ 16 – 24 ชั่วโมง สามารถกินวันละครั้ง หรือ จะแบ่งกิน เช้า – กลางวัน ก็ได้ครับ

สรุป GW-501516

GW-501516 คือ SARMs ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดไขมันและเพิ่มสมรรถภาพทางการออกกำลังกายให้ทดนานมากยิ่งขึ้น ในหมู่นักเพาะกาย GW-501516 จะถูกนิยมนำมาใช้ใส่ร่วมกับ Stack ช่วง Cut เพื่อดึงไขมันออกมาใช้ให้มากกว่าเดิม มีติด Stack ไว้โครตจะดีครับสำหรับช่วง Cut

Sarms Combo GW-501516 Cardarine

Anavar ยานายแบบ คืออะไรและดียังไง ?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า Anavar หรือที่เรียกกันว่า ยานายแบบ กินแล้วหุ่นจะลีนแบบหุ่นนายแบบ บทความนี้เรามาพูดถึงเจ้า Anavar กันว่า มันคืออะไร มีข้อดี และผลข้างเคียงยังไงบ้างครับ

Oxandrolone หรือที่เราเรียกกันว่า Anavar มันคืออะไร ?

Anavar หรือ Oxandrolone เป็นสเตียรอยด์ในกลุ่ม AAS (Anabolic Androgenic Steroids) ที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1960 โดยบริษัท Searie ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Prizer เดิมทีถูกผลิตมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาภาวะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ (Muscle Wasting) การฟื้นตัวหลังผ่าตัด และผู้ป่วยที่มีสภาวะขาดน้ำหนัก

Anavar ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเพาะกาย นักกีฬา และนายแบบ เพราะมันมีอัตราส่วน Anabolic Androgenic สูง ประมาณ 322 – 630 : 24 หมายความว่ามันสามารถช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อโดยมีผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าสเตียรอยด์ตัวอื่น

ข้อดีของ Anavar

  • ช่วยสร้างกล้ามเนื้อแบบไร้ไขมัน Lean Muscle

Anavar ไม่กักเก็บน้ำ ทำให้มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นมาดูคมชัดและแข็งแรง เหมาะสำหรับใช้ในช่วง รีดไขมัน Cutting Cycle มากกว่าช่วงเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบมหาศาล Bulking Cycle

  • ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี Fat Loss Effect

Anavar มีผลในการ เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน Metabolism Rate และช่วยรักษามวลกล้ามได้ในช่วงไดเอท เหมาะสมกับนักกีฬาที่ต้องรักษาความแข็งแรงขณะลดน้ำหนัก

  • ไม่กดฮอร์โมนเพศชายหนักเท่าสเตียรอยด์ตัวอื่น

Anavar กด HPTA คือ ระบบผลิต Testosterone ตามธรรมชาติ น้อยกว่าสเตียรอยด์ตัวอื่น เช่น Deca หรือ Trenbolone

  • ไม่มีการแปลงเปลี่ยนเป็นเอสโตรเจน No Estrogenic Side Effects

Anavar ไม่ Aromatize ไม่เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ไม่มีผลข้างเคียงเรื่อง Gynecomastia หัวนมสาว และไม่มีการกักเก็บน้ำ

  • ผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับสเตียรอยด์ตัวอื่น

Anavar ได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในสเตียรอยด์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง เพราะมีระดับ Androgenic ต่ำ

ผลข้างเคียงของ Anavar

  • ตับ Hepatotoxicity

Anavar เป็น C17-Alpha Alkylated Steroid ซึ่งอาจมีผลต่อตับหากใช้ในปริมาณสูงหรือใช้เป็นระยะเวลานาน แล้วควรเลี่ยงแอลกอฮอล์ และอาจใช้ Liver Support เช่น TUDCA หรือ NAC เอาไว้ช่วยเรื่องตับครับ

  • กดการผลิต Testosterone

แม้ว่า Anavar จะกดฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่าสเตียรอยด์ตัวอื่น แต่หากใช้เกิน 6 – 8 สัปดาห์ ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาด Testosterone ได้ครับ แนะนำให้มีการใช้ PCT หลังจากจบ Cycle

  • เพิ่อคอเลสเตอรอล Lipid Profile Issues

Anavar อาจเพิ่ม LDL ไขมันเลว และลด HDL ไขมันดี ควรมีการกินอาหารเสริม Omega-3 เข้าไปด้วยครับ

  • อาการข้างเคียงอื่น

ปวดหัว ความดันโลหิตสูง หากใช้เกิดขนาด อาจทำให้เกิดผมร่วงในบางคนที่มีพันธุ์กรรมผมบาง Androgenic Alopecia

Anavar ปริมาณที่ควรใช้

สำหรับผู้ชาย

  • เริ่มต้น 20 – 30 mg ต่อวัน
  • ระดับปานกลาง 40 – 60 mg ต่อวัน
  • ระดับสูง 80 – 100 mg ต่อวัน
  • ระดับนักแข่ง 100 – 120 mg ต่อวัน มีเสี่ยงต่อตับ

ใช้ได้ประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อตับและสภาวะขาด Testosterone

สำหรับผู้หญิง

  • เริ่มต้น 5 – 10 mg ต่อวัน
  • ระดับปานกลาง 10 – 15 mg ต่อวัน
  • ระดับสูง 20 – 25 mg ต่อวัน แนะนำสำหรับนักกีฬา

ใช้ได้ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์

ทำไม Anavar ถึงถูกเรียกว่า ยานายแบบ ?

Anavar ได้รับฉายาว่า ยานายแบบ เพราะเป็นสเตียรอยด์ที่ช่วยให้ร่างกายดู ลีน คม กระชับชัด และมีมวลกล้ามเนื้อที่คุณภาพสูง โดยไม่มีการกักเก็บน้ำหรือทำให้บวมเหมือนสเตียรอยด์ตัวอื่น มันจึงถูกนิยมนำมาใช้ทำหุ่นเหมือนนายแบบ ลืน แห้ง ชัด และเป็นแบบเม็ดกินง่ายพกพาสะดวก

สรุป Anavar ดียังไง ?

  • เพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบคมชัดโดยไม่กักเก็บน้ำ
  • เพิ่มความแข็งแรงและระบบเผาผลาญ
  • ผลข้างเคียงต่ำกว่าสเตียรอยด์ตัวอื่น
  • ไม่ทำให้เกิดอาการหัวนมสาว Gynecomasti

แต่ต้องมีการใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจะมีการส่งผลต่อตับและระดับฮอร์โมนเพศชาย โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณที่สูง

Bodytech Anavar Oxandrolone

Meditech Anavar Oxandrolone

Testosterone มีประโยชน์อย่างไร ?

หลายคนที่กำลังจะเริ่มใช้หรือยังกังวลกับการเริ่มจะใช้ Testosterone เข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ บทความนี้จะมาพูดถึงประโยชน์ของ Testosterone กันครับ เพื่อให้ทุกคนเอาไปประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ดี

Testosterone เป็นฮอร์โมนที่สำคัญและมีบทบาทหลักในการสร้างกล้ามเนื้ออยู่แล้วครับ ทั้งสร้างมวลกล้ามเนื้อและเพิ่มพละกำลัง ฮอร์โมน Testosterone ช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ Protein Synthesis ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวและสามารถพัฒนาได้เร็วขึ้นครับ

Testosterone มีประโยชน์อย่างไรต่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ?

  • เพิ่มการสังเคราะห์โปรตีน Protein Synthesis

Testosterone กระตุ้นให้ร่ายกายใช้กรดอะมิโนสร้างโปรตีนให้มากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วนให้กล้ามเนื้อโตได้เร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้นครับ

  • ลดการสลายตัวของมวลกล้ามเนื้อ Muscle Cataboli

ยิ่งเราอายุมากขึ้นร่างกายจะมีกระบวนการย่อยสลายมวลกล้ามเนื้อ Rhabdomyolysis และสภาวะกล้ามเนื้อน้อย Sarcopenia เจ้าตัว Testosterone จะช่วยยับยั้งฮอร์โมนคอร์ติซอล Cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายสลายกล้ามเนื้อเพื่อนำไปเป็นพลังงานครับ

  • เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง Muscle Mass and Strength

พอระดับ Testosterone สูงขึ้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อหนาแน่นขึ้นและเพิ่มพละกำลัง ทำให้สามารถยกน้ำหนักได้มากขึ้น พอยกได้หนักขึ้นร่างกายจะเกิดการสร้างกล้ามเนื้อใหม่ได้มากขึ้นและพัฒนาความแข็งแรงได้รวดเร็วกว่า

  • กระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง Red Blood Cell Production

ช่วยให้เลือดสามารถลำเลียงออกซิเจนไปสู่กล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและลดอาการเหนื่อยล้า

  • เพิ่มความทนทานและการฟื้นตัว Endurance and Recovery

Testosterone ช่วยลดเวลาในการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักมา ทำให้สามารถฝึกซ้อมได้ถี่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

  • ลดไขมันในร่างกาย Fat Loss

Testosterone มีผลต่อการควบคุมเมตาบอลิซึมและช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมัน ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นและรักษาสัดส่วนมวลกล้ามเนื้อให้เด่นชัดขึ้น

สรุปประโยชน์ของ Testosterone

Testosterone เป็นกุญแจสำคัญมากในการสร้างมวลกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง ลดไขมัน และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ใครที่มีความต้องการในเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น Testosterone จึงจำเป็นมากครับ

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Keifei Test E 250 Testosterone Enanthate

Primo ยาดียาเทพจริงไหม ?

Methenolone หรือที่เราเรียกกันว่า Primo มันคืออะไร ?

Primo เป็นยาพวก Anabolic Steroid ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเพาะกายและนักกีฬา เนื่องจากเจ้า Primo มีผลข้างเคียงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Steroid ตัวอื่นครับ

Primo แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ

  1. Methenolone Enanthate แบบฉีด Long Ester ออกฤทธิ์นาน
  2. Methenolone Acetate แบบกิน Short Ester ออกฤทธิ์สั้น

Primo มีคุณสมบัติ Anabolic สูง แต่ Androgen น้อย ทำให้ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อแบบไร้ไขมันได้ โดยมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า Steroid ตัวอื่น

Primo ดียังไง ?

  • ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบไร้ไขมัน Lean Muscle Gains ได้

Primo ไม่ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ ซึ่งช่วยทำให้กล้ามเนื้อดูแน่นคมชัด และช่วยให้กล้ามเนื้อที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่บวมเหมือนกับการใช้ Steriod ที่กักเก็บน้ำ เช่น Testosterone หรือ Dianabol

  • ช่วยลดไขมันและรักษากล้ามเนื้อในช่วง Cutting

Primo ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ Metabolism Boosting เหมาะกับการลดไขมันและช่วยรักษากล้ามเนื้อขณะลดไขมันได้ Keep Gains มักใช้ร่วมกับ Testosterone , Anavar หรือ Winstrol ในช่วงเตรียมแข่งของนักเพาะกายครับ

  • มีความปลอดภัยสูง และผลข้างเคียงต่ำ

Primo ที่บอกว่ายาดียาเทพเพราะมันมีผลข้างเคียงต่ำ มีความเป็น Androgenic ต่ำ ทำให้โอกาสเกิดสิว ผมร่วง หรืออารมณ์แปรปรวนต่ำมาก ไม่เป็นพิษต่อตับ โดยเฉพาะ Methenolone Enanthate แบบฉีด ซึ่งจะต่างจาก Steroid บางชนิด เช่น Dianabol หรือ Anavar และยังไม่ทำให้เกิด Gynecomastia หัวนมสาว เพราะมันไม่เปลี่ยนเป็น Estrogen

  • เหมาะสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง

Primo เป็นหนึ่งในไม่กี่ Steroid ที่ ผู้หญิงสามารถใช้ได้ โดนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการ Virilization เสียงทุ้ม ขนขึ้น ลักษณะชาย ค่อนข้างต่ำมากครับ

Primo มีข้อเสียยังไง ?

  • ไม่เพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้เร็วเท่า Steroid ตัวอื่น เช่น Testosterone หรือ Deca
  • ราคาในตลาดค้อนข้างสูงมาก และมีของปลอมเยอะมากเช่นกัน
  • แบบกิน มี Bioavailability การออกฤทธิ์หรือการดูดซึมต่ำ ต้องใช้โดสสูงและอาจจะส่งผลต่อตับ

วิธีใช้ Primo สำหรับผู้ชาย

สำหรับผู้ชาย Methenolone Enanthate แบบฉีดใช้

  • 400 – 600 mg ต่อสัปดาห์ นาน 8 – 12 สัปดาห์ หรือจะนานกว่านั้นก็ได้
  • ใช้ร่วมกับ Testosterone Enanthate ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือใช้ร่วมกับ Testosterone Propionate ช่วงลดไขมัน จะเห็นผลดีครับ

วิธีใช้ Primo สำหรับผู้หญิง

สำหรับผู้หญิง Methenolone Enanthate แบบฉีด และ Methenolone Acetate แบบกิน

  • แบบฉีด 50 – 100 mg ต่อสัปดาห์ และ แบบกิน 10 – 25 mg ต่อวัน
  • ใช้ร่วมกับ GW-0742 หรือ Clen เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Primo ควรทำ PCT หรือไม่ ?

ถึงเจ้า Primo จะกดการทำงานของฮอร์โมนเพศชายต่ำกว่า Steroid ตัวอื่นก็ตาม แต่ก็ยังต้องทำ PCT เพื่อให้ร่างกายกลับมาสร้างฮอร์โมนได้เองบ้าง

PCT ที่แนะนำ

  • Nolvadex 20 – 40 mg ต่อวัน นาน 4 สัปดาห์
  • Clomid 50 mg ต่อวัน นาน 4 สัปดาห์
  • HCG 500 – 1,500 IU ต่อสัปดาห์ ก่อนเริ่ม PCT

สรุป Primo ยาดียาเทพจริงไหม ?

  • Primo เป็นยา Steroid ที่ปลอดภัยที่สุด มีผลข้างเคียงต่ำมาก และไม่ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำที่จะทำให้ตัวบวม
  • เหมาะสำหรับ Cutting Cycle ช่วยรักษากล้ามเนื้อขณะลดไขมัน หรือช่วง Bulking Cycle ก็สามารถใช้ได้ ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบไร้ไขมัน แต่อาจจะช้าและใช้ระยะเวลานานกว่า Steroid ตัวอื่น
  • ไม่เหมาะสำหรับการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อแบบรวดเร็ว Steroid ตัวอื่นอาจจะตอบโจทย์กว่าสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มกล้ามแบบรวดเร็วและยอมรับผลข้างเคียงได้
  • ราคาค่อนข้างแพง 1,500 – 2,000 บาท ถ้าใช้ 400 – 600 mg เดือนนึงจะต้องใช้ 2 ถึง 3 ขวดกันเลยทีเดียว แต่ถ้างบเยอะใช้เลยครับ ของมันโครตดี

หากคุณต้องการกล้ามเนื้อที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยที่สูงมากและไม่ต้องการเสี่ยวกับผลข้างเคียงของ Steroid แบบตัวอื่น เจ้า Primo จะเป็นยาที่เทพและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณครับ

Bodytech Primo 100 Methenolone Enanthate

Keifei Primo 100 Methenolone Enanthate

SARMs กับ Steroid แตกต่างกันยังไงและอะไรดีกว่า ?

SARMs หรือ Selective Androgen Receptor Modulators และ Steroid หรือ Anabolic Androgen Steroids ที่เรียกกันย่อว่า AAS

ทั้ง SARMs และ Steroid คือสารที่ใช้เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและพละกำลัง แต่มีความแตกต่างกันหลายด้าน เช่น กลไกการทำงาน ผลข้างเคียง และ ความปลอดภัย เรามาเริ่มต้นกันที่กลไกการทำงานกันก่อนครับ

กลไกการทำงานของ SARMs และ Steroid

  • SARMs ทำงานโดยจับกับตัวรับ Androgen Receptors ในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นหลัก ทำให้เกิดผล Anabolic Effect โดยมีผลข้างเคียงน้อยกว่า เพราะไม่ได้มีผลกับอวัยวะอื่นมากกว่า Steroid
  • Steroids เป็นฮอร์โมน Testosterone หรือสารที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมีผลต่อร่างกายในหลายระบบ รวมถึงกล้ามเนื้อ อวัยวะเพศ ผิวหนัง และระบบต่อมไร้ท่อ ทำให้มีผลข้างเคียงสูงกว่ามาก

ประสิทธิภาพในการเพิ่มกล้ามเนื้อของ SARMs และ Steroid

  • SARMs สามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ดี แต่ไม่เท่า Steroids อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงมันจะน้อยกว่า
  • Steroids มีประสิทธิภาพในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงสูงกว่า SARMs เนื่องจากเป็นฮอร์โมน Testosterone โดยตรง

ข้อดีและผลข้างเคียงของ SARMs และ Steroid

SARMs ข้อดี

  • ผลข้างเคียงน้อยกว่าและเฉพาะจุดมากกว่า Steroids
  • อาจจะไม่ต้องทำ PCT หรือถ้าทำจะทำน้อยกว่า Steroids

SARMs ข้อเสีย

  • อาจจะมีผลต่อระดับฮอน์โมนเพศชายหากใช้ในปริมาณสูงหรือระยะเวลานาน
  • อาจจะมีผลต่อตับและระดับไขมันในเลือด แต่ขึ้นอยู่กับชนิดของ SARMs ที่ใช้ด้วย

Steroids ข้อดี

  • เพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว มากกว่า SARMs หลายเท่า

Steroids ข้อเสีย

  • ยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเพศชายตามธรรมชาติทำให้ต้องมีการทำ PCT
  • มีผลต่อตับ ไต หัวใจ และระดับ Choloesterol
  • อาจทำให้เกิดสภาวะ Gynecomastia เต้านมสาว จากการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
  • อาจทำให้เกิดสิว ผมร่วง อารมณ์แปรปรวน และ ภาวะซึมเศร้า

SARMs และ Steroid ถูกกฎหมายหรือไม่ ?

  • SARMs แม้จะยังไม่ถูกควบคุมเข้มงวดเท่า Steroids แต่ในหลายประเทศก็เริ่มมีการจำกัดการใช้ โดยเฉพาะในวงการกีฬา
  • Steroids ผิดกฎหมายในหลายประเทศ และมักถูกควบคุมเป็นสารต้องห้ามในกีฬาเพราะมันมีผลต่อการสร้างกล้ามและความแข็งแรงที่สูงมาก พูดง่ายคือใช้แล้วมันโกงกว่าคนอื่น

อะไรดีกว่ากัน SARMs กับ Steroid ?

ถามว่าอะไรดีกว่าตอบเลยว่าขึ้นอยู่กับเป้าหมายและยอมรับความเสี่ยงของมันได้ไหม

  • ถ้าต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อแบบดูธรรมชาติ มีผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด SARMs ก็จะตอบโจทย์ได้ดีครับ
  • ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่สูงมาก หุ่นแบบระดับนักกีฬาเพาะกาย กล้ามใหญ่แน่นมาไว และยอมรับผลข้างเคียงได้ Steroids จะตอบโจทย์ที่สุดครับ

หากต้องการใช้ ควรศึกษาข้อมูลโปรไฟล์ตัวยาแต่ละตัวให้ดีก่อน บางตัวมีข้อดีข้อเสียต่างกัน หากใช้ผิดใช้มั่วอาจจะมีแต่ข้อเสียไม่มีข้อดีเลยก็ได้ครับ

Sarms Combo RAD-140 Testolone

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Testosterone แต่ละชนิดแตกต่างกันยังไง ?

Testosterone หรือที่เรารู้จักกันนามว่า Test

คือฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตโดยอัณฑะในเพศชาย และรังไข่ในเพศหญิง กับต่อมหมวกไต ซึ่งจะพบเฉพาะในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเท่านั้น

Testosterone ที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ มี 4 ประเภท

  • Testosterone Propionate

  • Testosterone Enanthate

  • Testosterone Cypionate

  • Testosterone Undecanoate

ความแตกต่างระหว่าง Test ทั้ง 4 ประเภทคือ Ester ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน

Short Ester

  • Testosterone Propionate ระยะเวลา 1-2 วัน

  • Testosterone Enanthate ระยะเวลา 3-4 วัน

  • Testosterone Cypionate ระยะเวลา 5-6 วัน

Long Ester

  • Testosterone Undecanoate ระยะเวลา 30 วัน

ทั้งนี้ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ของแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับ Base Oil ของแต่ละแบรนด์สินค้าด้วย แต่ค่าเฉลี่ยของแต่ละชนิดก็จะประมาณนี้ครับ

วิธีการเลือกใช้ Testosterone แต่ละชนิด

การใช้ Testosterone ของแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการออกฤทธิ์ Short Ester ก็จะใช้ถี่หน่อยในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งจะแตกต่างจาก Long Ester ที่ใช้แค่เดือนละครั้งก็ได้ ซึ่งตัวออกฤทธิ์สั้นกว่าก็จะเห็นผลไว จะแตกต่างจากตัวที่ออกฤทธิ์ช้าที่จะใช้ระยะเวลานานกว่า กว่าจะเห็นผล

  • Testosterone Propionate แนะนำให้ใช้ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จันทร์ พุธ ศุกร์ หรือ ใครที่มีเวลาในการฉีดบ่อยหน่อยและงบเหลือ แนะนำให้ใช้วันเว้นวันไปเลย

  • Testosterone Enanthate แนะนำให้ใช้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จันทร์ พฤหัสบดี หรือ อังคาร ศุกร์ แล้วแต่สะดวกได้เลยครับ

  • Testosterone Cypionate แนะนำให้ใช้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือ จะใช้เหมือน Test E ก็ได้ เพราะ Ester มันใกล้เคียงกัน

  • Testosterone Undecanoate แนะนำให้ใช้ 1 เดือนครั้ง จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูกล้ามเนื้อจากโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ผู้หญิงที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายครับ

ข้อแตกต่างระหว่าง Test E กับ Test C

Test C จะถูกนิยมใช้มากในอเมริกามากกว่าตัว Test E ส่วนบ้านเราจะนิยม Test E ซะมากกว่า ข้อแตกต่างของมันแทบจะไม่ต่างกันเลย แต่ Base Oil บางยี่ห้อ Test E จะมีความเข้มข้นสูงกว่าครับ ถ้ามือใหม่ผมจะแนะนำให้ใช้ Test C เพราะความเข้มข้นที่บางกว่าและ Ester ที่ใช้ต่อสัปดาห์กำลังดี ไม่ถี่เกินไป

Test U ส่วนใหญ่จะมีการใช้ในช่วงทำ TRT หรือเลี้ยง Test

ตอน Off Season ไม่ได้ใส่ตัวอื่นเพราะมันจะจัดการยาง่ายกว่า ใช้เท่าไหร่ให้เรากำหนด 1 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วใช้เท่าไหร่ให้คูณ 4 ไปได้เลยครับ

ตัว Test U ส่วนใหญ่จะถูกใช้ในการแพทย์ใช้ทุก 2 เดือน อันนี้ใช้ในคนสูงอายุที่ต้องการทำฮอร์โมนทดแทนให้ได้ฮอร์โมนเท่ากับวัยรุ่นหรือเสริมสร้ามกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงไป และมักถูกใช้กับผู้หญิงที่จะเปลี่ยนเพศสร้างกล้ามเนื้อให้เหมือนผู้ชาย ทั้งนี้ทั้งในการใช้และปริมาณ Dose ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนพื้นฐานของตัวเราเองด้วยครับ

Bodytech Test P 100 Testostorone Propionate

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Pharmacom Test C 250 Testosterone Cypionate

 

SARMs มีประโยชน์อย่างไร ?

Selective Androgen Receptor Modulator หรือที่เรารู้จักกันนามว่า SARMs

SARMs เป็นยาประเภทพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อรักษาโรค เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคกระดูกพรุน SARMs ให้ประโยชน์ของฮอร์โมนเพศชายโดยไม่มีผลข้างเคียง

SARMs ช่วยในการเพิ่มสร้างมวลกล้ามเนื้อและส่งเสริมการลดน้ำหนัก SARMs ค่อนข้างปลอดภัยและผลข้างเคียงน้อยมาก และไม่ก่อให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง ไม่เป็นพิษและไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการทำงานของตับ และ SARMs ยังสามารถซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของผู้สูงอายุได้อีกด้วย

ประโยชน์ของ SARMs ในการนอนหลับ

MK-677 (Ibutamoren) SARMs ที่กระตุ้นการหลั่ง IGF-1 ในร่างกายในปริมาณมากนั้นถูกใช้ในผู้ใหญ่ที่มีการเจริญเติบโตหรือขาดฮอร์โมน เช่นเดียวกับสิ่งที่ช่วยเพิ่มมวกล้ามเนื้อ และมันยังได้รับความนิยมในหมู่นักเพาะกายอีกด้วย

MK-677 ไม่ใช่ฮอร์โมน และจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อรับประทานต่อเนื่อง 3 เดือนขึ้นไป เวลาที่ดีที่สุดในการจะใช้ MK-677 คือช่วงกลางคืน ก่อนเข้านอน นอกจากนี้ยังข่วยให้คุณหลับได้อย่างรวดเร็วด้วยสารเคมีที่เรียกว่า Ghrelin

ผู้ใช้หลายคนพบว่า MK-677 มีผลเชิงบวกอย่างมาก ทั้งคุณภาพการนอนหลับและระยะเวลาการนอนหลับนานขึ้น รวมทั้งความรู้สึก พักผ่อน และการตื่นกลางดึกลดลง

ประโยชน์ของ SARMs กับผิวหนัง

MK-677 (Ibutamoren) เนื่องจากมีผลต่อระดับคอลลาเจนในร่างกาย คอลลาเจนมีหน้าที่ในความแข็งแรงของผิวหนังและเส้นผม MK-677 ยังไม่เพียงแต่เพิ่มการผลิตคอลลาเจนในร่างกายเท่านั้น แต่ยังชะลอการเสื่อมลงอีกด้วย นี่ยังหมายความว่าอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เนื่องจากคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้นทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ประโยชน์ของ SARMs ในการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ

RAD-140 (Testolone) ได้รับความนิยมอย่างมากในการเอามาใช้เพื่อเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายของยาแอนโดรเจน RAD-140 ควรใช้ 4 ถึง 6 สัปดาห์เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

ประโยชน์ของ SARMs ในการลดไขมัน

GW-501516 (Cardarine) เดิมทีถูกสร้างมาเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคไขมันในเลือดสูง GW-501516 หรือ GW-0742 มันจึงถูกนิยมนำมาใช้ในการช่วยลดไขมันของบุคคลทั่วไปและนักกีฬา

SARMs ปลอดภัยหรือไม่ ?

SARMs เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นยาที่ปลอดภัยกว่าสเตียรอยด์ หลายคนต้องการอยากสร้างกล้ามเนื้อแบบธรรมชาติโดยที่ไม่มีผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ SARMs จึงสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้

Sarms Combo MK-677 Nutrobal

Sarms Combo RAD-140 Testolone

Sarms Combo GW-501516 Cardarine

Back to top
X