Category Archives: บทความ

MK-677 ดีโครต จริงไหม ?

Ibutamoren หรือที่รู้จักกันนามว่า MK-677 เจ้าตัว MK-677 คืออะไร ?

MK-677 คือ ยาที่จัดอยู่ใน SARMs แต่ที่จริงแล้วตัวนี้ ไม่ใช่ SARMs ซะทีเดียว แต่มันเป็น Growth Hormone Secretagogues (GHSs) สินค้าที่ถูกออกแบบมาสามารถทำให้ร่างกายหลั่ง โกรทฮอร์โมน ออกมา ซึ่งพวกนี้มันมีมานานแล้วครับ ตัว GHSs สารกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็น GHPR6 , GHRP2 เป็นต้น ซึ่งในแต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ MK-677 ดันถูกออกแบบมาให้กลบข้อเสียของทุกตัวหมดเลย เรียกได้ว่าดีกว่าใครเขา แถมยังเป็นแบบเม็ดกินง่ายและมีลักษณะเป็น Long Ester ออกฤกธิ์นาน กินแค่ 1 เม็ดต่อวันออกฤกธิ์ได้ทั้งวัน ด้วยคุณสมบัติที่ดีกว่าและกินง่ายออกฤทธิ์นาน ทำให้สินค้าตัวอื่นทุกวันนี้ในกลุ่ม เหลือเพียง MK-677 ตัวเดียวที่เหนือกว่าตัวอื่น

MK-677 ผลลัพธ์จากการใช้ ?

อ้างอิงจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2757071/

พบว่าการใช้ MK-677 วันละ 25mg เป็นระยะเวลายาวนานถึง 1 ปี ไม่มีผลข้างเคียงใดจากตัว MK-677 เลย นอกจากความยากอาหารมากขึ้น ซึ่งภายหลังจะค่อยลดลงไปเอง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดไขมันได้จริง

แต่ก็มีผลข้างเคียงแบบเดียวกับการใช้ HGH เกิดขึ้นบ้าง เช่น ปวดข้อ ง่วงนอน (อันนี้ถ้าใช้ถูกเวลาจะนับเป็นข้อดีไปเลย เพราะมันทำให้เราหลับง่ายและหลับลึกขึ้น) หิวข้าว เป็นต้น

MK-677 ควรใช้ในช่วงเวลาไหน ?

เรื่องเวลาในการใช้ถ้าอยากให้มันสอดคล้องกับผลข้างเคียง ควรใช้ตอนช่วงค่ำก่อนเข้านอนครับ ผลข้างเคียงเกี่ยวกับการง่วงนอนจะเป็นผลดีต่อเราทันทีครับ

MK-677 มี Half Life กี่ชั่วโมง ?

Half Life ของ MK-677 อยู่ในช่วงประมาณ 24 ชั่วโมงถึง 36 ชั่วโมง สามารถกินแค่ 1 เม็ดต่อวันได้เลยครับ

สรุป MK-677 ดีโครต จริงไหม ?

ตอบเลยนะครับว่าดี MK-677 กว่าทุกตัวในกลุ่ม GHSs ช่วยในการหลั่งโกรทฮอร์โมน มาในรูปแบบเม็ดกินง่าย ออกฤทธิ์นาน Long Ester แต่ถ้าใครที่งบเยอะมากแนะนำให้ไป HGH เลยครับ

Sarms Combo MK-677 Nutrobal

Meditech Sarms MK-677 Ibutamoren

Bodytech Sarms MK-677 Ibutamoren

Liver Support ใช้ช่วง On-Cycle ได้ไหม ?

Supplement Support ใช้ช่วง On-Cycle ได้ไหม ?

สามารถใช้ได้ในช่วง On-Cycle ได้ครับ ไม่ว่าจะใช้เป็น SARMs หรือ Oral AAS ก็ตามแต่ คือพวกนี้ข้อดีหลักของมันคือล้างสารพิษในตับก็จริง แต่มันก็มีข้อดีหลายอย่างที่ส่งเสริมประสิทธิภาพของยาด้วย เช่นอย่าง N-Acetyl Cysteine (NAC) ช่วยกระตุ้นพวก Insulin ให้ร่างกายใช้ไขมันได้มากขึ้น

กินแล้วจะล้างยาหรือ Drop ประสิทธิภาพของยาไหม ?

ไม่ครับ Liver Support ส่วนใหญ่เริ่มแรกสกัดจากคนอยู่แล้วครับ เช่น Tauroursodeoxycholic Acid (Tudca) คือเป็นอนุพันธุ์ของกรดน้ำดีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว สกัดจากท่อน้ำดีที่เชื่อมผ่านตับไปลำไส้เล็ก

กระบวนการแรก จะเป็นเกลือน้ำดีที่ถูกปล่อยเข้าสู่ลำไส้ผ่านทางท่อน้ำดีในตับ จุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ๋เผาผลาญเกลือน้ำดีเป็นกรด Ursodeoxycholic (UDCA) รวมเข้ากับโมเลกุลทอรีน = TUDCA

คุณสมบัติหลักคือส่งผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับและไต คนที่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ยังผลิตได้น้อยเลยครับ สำหรับคนไม่ออกกำลังกาย กินมั่ว คุมอาหารไม่ดี นี่ไม่ต้องพูดถึง เอาง่ายคือของดีที่ร่างกายมีอยู่แล้ว ยิ่งมีมากขึ้นยิ่งดีครับ

กินช่วงทำ PCT ได้ไหม ?

ได้ปกติครับ ไม่ได้ทำปฏิกริยาอะไรกับ SERMs ทำงานคนละหน้าที่

Liver Support ควรทานตอนไหน ?

ทานคู่ยาเม็ดก็ได้ครับ ทำงานคนละทางอยู่แล้ว

ทานพร้อมมื้ออาหารก็ได้เหมือนกันไม่มีข้อเสีย ดูดซึมได้ปกติ

Sarms Combo Tudca

SARMs คืออะไร ?

Selective Androgen Receptor Modulator หรือที่เรียกกันว่า SARMs

เป็นกลุ่มยาประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่เหมือน Steroid แต่มีความปลอดภัยมากกว่า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า SARMs ทำหน้าที่ในการควบคุมตัวรับฮอร์โมน Androgen ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ ในแง่ของคนธรรมดาหรือนักกีฬา SARMs ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง

SARMs แตกต่างจาก Steroid อย่างไร ?

SARMs นั้นแตกต่างจาก Steroid Testosterone และ Anabolic Steroid มันไม่ใช่โปรฮอร์โมนเปปไทด์ หรือ HRT การบำบัดฮอร์โมนทดแทน อย่างที่คุณคิด

SARMs ทำงานอย่างไร ?

SARMs เป็นกลุ่มยาประเภทหนึ่งที่ถูกนำมาใช้สร้างมวลกล้ามเนื้อและรักษาโรคอื่น พวกมันทำหน้าที่เป็นตัวปรับแต่งตัวรับแอนโดรเจน ซึ่งหมายความว่าพวกมันกระตุ้นการทำงานของตัวรับแอนโดรเจนตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น Testosterone จับ AR โดยขณะที่ Steroid ไม่จับ

ผลที่ได้จากการใช้ SARMs คือมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับฮอร์โมนเพศชายเพียงอย่างเดียว เนื่องจากถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับจุดประสงค์โดยไม่มีผลข้างเคียง เช่น ผมร่วง หรือ การโตของเต้านม Gynecomastia

SARMs มีผลข้างเคียงอย่างไร ?

ผลข้างเคียงเกี่ยวกับการใช้ SARMs มีน้อยมาก ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องยากมากที่ทุกคนจะได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากการใช้ SARMs เพราะฤทธิ์ของมันไม่แรงเท่า Steroid

SARMs ปลอดภัยหรือไม่ ?

SARMs มีมาตั้งแต่ปี 2552 ดังนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะทราบผลข้างเคียงทั้งหมดหรือมีปฏิกิริยากับยาอื่น ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าการศึกษาส่วนใหญ่ระบุว่า SARM นั้นค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะสั้น ระหว่าง 3-6 เดือน แต่ก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสารเหล่านี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงในระยะยาวหรือมีปฏิกิริยากับยาอื่น หรือไม่

SARMs แบ่งออกเป็นกี่ประเภท ?

  • Ligandrol (LGD-4033)

  • Testolone (RAD-140)

  • Andarine (S-4)

  • Ostarine (MK-2866)

  • Cardarine (GW-501516)

  • Ibutamoren (MK-677)

สรุป SARMs คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร ?

  • SARMs ทำหน้าที่เหมือน Steriod แต่ปลอดภัยกว่า

  • SARMs สามารถสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันได้

  • SARMs มีผลข้างเคียงน้อยแต่ยังไม่ชัดเจนในระยะยาว

  • SARMs ปลอดภัยว่า Steroid เพราะฤทธิ์ไม่แรง

Bodytech Sarms LGD-4033 Ligandrol

Bodytech Sarms RAD-140 Testolone

Bodytech Sarms GTX-007 , S-4 Andarine

Bodytech Sarms MK-2866 Ostarine

Bodytech Sarms GW-501516 Cardarine

Bodytech Sarms MK-677 Ibutamoren

Testosterone คืออะไร ?

Testosterone หรือที่เรียกกันว่า Test

คือ ฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตโดยอัณฑะในเพศชาย และรังไข่ในเพศหญิง กับต่อมหมวกไต ซึ่งจะพบเฉพาะในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเท่านั้น

การทำงานสั่งการของสมองในการสร้างฮอร์โมนเพศชายจะมาจากส่วน ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) โดยจะกระตุ้นลูกอัณฑะให้สร้าง Testosterone และจะมีระดับสูงสุดในช่วงเช้าเวลา 5-7 โมงเช้า (ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละบุคคล)

ระดับปกติของ Test จะอยู่ระหว่าง 350-1000 ng/dl จากระดับปกติดังกล่าวจะมีฮอร์โมนที่อยู่อย่างอิสระ ที่เรียกกันว่า Free Test หรือ อยู่รวมกันกับโปรตีนในร่างกาย (Bound Test) โดย 97-98% จะอยู่ในรูปแบบของฮอร์โมนที่ไม่อิสระ ซึ่งจะจับตัวกับ SHBG (Sex Hormone-Binding Globulin) ทำให้ไม่สามารถไปทำงานในร่างกายได้ ซึ่งจำนวนของ SHBG ที่จับฮอร์โมนในเลือดจะเพิ่มขึ้นตามอายุ

หน้าที่ของ Testosterone จะมี 2 ค่า ได้แก่

Anabolic Effect

คือ การสั่งเคราะห์โปรตีนของร่างกายส่งผลให้มีการสร้างกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก การสร้างเม็ดเลือดแดง การเผาผลาญของไขมันและแป้ง

Androgenic Effect

คือ ผลที่มีต่ออวัยวะสืบพันธุ์ ลักษณะทางเพศ การพัฒนาและการแข็วตัวของอวัยวะเพซชาย (ใครที่หำไม่แข็งผลกระทบมาจากตัวนี้เลย) การเปลี่ยนเสียงห้าวทุ้มของวัยรุ่น หนวดเครา ขนตามร่างกาย การแสดงลักษณะทางเพศทั้งหมด

Testosterone ยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมร เอสโตรเจน (Estrogen) ที่เป็นฮอร์โมนของเพศหญิงได้ด้วยเช่นกัน เพื่อควบคุมความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย พูดแบบเข้าใจง่าย คือ มันจะไปด้วยกัน Test ขึ้น Estrogen ก็ขึ้นตาม เป็นต้น

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

 

Front Load EQ ทำไปเพื่ออะไร ?

EQ คือ Boldenone Undecylenate เป็นยาที่ Long Ester ครับ ใช้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์นาน แต่ดันออนนานไม่ได้เท่าไหร่ เพราะ Red Blood Cells และ Blood Pressure จะเพิ่มสูงกว่าปกติ

เนื่องจาก Testosterone ทำงานต้าน Androgenic และเพิ่ม Androgen โดยตรง ถ้าใช้ EQ เข้าไปพร้อมกันกับ Test ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิดครับ แต่มันจะแย่งกันทำงาน แข่งกันจับ AR และ Test ก็เพิ่ม Red Blood Cells และ Blood Pressure เหมือนกัน เลยจะบอกว่า กว่า EQ จะพีคเต็มที่ ก็เลือดข้นปวดหัวความดันสูงก่อน เลยจำเป็นต้องใส่ EQ เข้าไปก่อน ให้ยาดึง Performance ออกมาให้เต็มที่

Front Load ทำยังไง ?

Off Testosterone แล้วยิง EQ เข้าไปตัวเดียว Dosage อยู่ที่ 300-500 mg ขึ้นอยู่ว่าใช้ Testosterone เท่าไหร่ ตัวนี้มีปัญหาเรื่องหำไม่มาก เพราะ Androgenic 50/100 ครึ่งนึงของ Test

EQ ใส่ตัวเดียวนานแค่ไหน ?

ระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ กำลังดีครับ แต่ให้ดีเลยแนะนำที่ 8 สัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยใส่ Testosterone เข้าไปทีหลัง แนะนำให้ใส่ Testosterone Enanthate

ในกรณีหำมีปัญหาจะ Front Load แค่ 4 สัปดาห์ ก็ได้ สำหรับคนที่ใช้ 300 หรือน้อยกว่านั้น ก็ให้ลองไล่ Dosage EQ เพิ่มไปอีกครับ ส่วนใครใช้มากกว่านั้น 500+ แล้วหำมีปัญหาอยู่ (ซึ่งตามจริง ไม่น่ามีปัญหาแล้ว) ก็ทำแค่นี้ไม่ต้องลากถึง 8 สัปดาห์

ตัวอย่าง Cycle ที่แนะนำ

  • Weeks 1-8 EQ 300-500 mg
  • Weeks 8-16 EQ 300-500 mg + Testosterone Enanthate 500-600 mg

ในระหว่างที่ On-Cycle แนะนำให้ดูความดันไว้ด้วยครับ ไม่ควรเกิน 120 และทาน Baby Aspirin 81 mg ร่วมด้วย ทาน Week ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ หลังอาหารทันที 1 เม็ด

Bodytech EQ 400 Undecylenate

Meditech EQ 400 Undecylenate

Pharmacom EQ 300 Boldenone Undecylenate

 

Recomp ช่วยอะไรและทำยังไง ?

Recomposition หรือที่เราเรียกกันว่า Recomp

Recomp คืออะไรและช่วยอะไร ?

สำหรับมือใหม่หรือมือเก่าอาจจะทราบดีกันอยู่แล้วว่า Recomp มันคือหลักการที่ไว้ใช้สำหรับเพิ่ม Muscle Mass และ Fat Loss ไปในเวลาเดียวกันได้ ผ่านการ Calories Surplus ในวันที่ออกกำลังกาย และ Calories Deficit ในวันที่พัก แต่ผลจะสำเร็จออกมาไหม ก็มีปัจจัยหลายอย่าง เช่น Genetic ที่ดี หรือไม่ก็ต้องเป็นมือใหม่เพราะร่างกายพึ่งประตัว แต่ผ่านจุดนั้นมา มันก็เริ่มยากแล้วครับ หรือมันทำกันได้จริงไหม ทุกวันนี้ก็ยังเถียงกันอยู่ แล้วถ้าเราพอมีตัวช่วยละ มันก็ง่ายสิ

Recomp ทำยังไงและใช้อะไรบ้าง ?

โดยส่วนตัวผมที่จะแนะนำให้ใช้ คือ Long Ester + Short Ester
Long Ester = Anabolic สูง Muscle Mass เยอะมาก
Short Ester = Peak Performance เข้าไว ยาออกง่าย

ซึ่งเอาจริง แค่ Testosterone ก็ทำได้แล้ว เพราะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้น BMR ก็จะสูงขึ้นตาม แต่บางคนอยากได้มากกว่านั้นเพราะมีงบเหลือก็ลองดู Stack นี้ครับ

  • Test E + EQ + Tren A

เหตุผลผมเลือก Test E เพราะได้เนื้อเยอะที่สุด เลือก EQ เพราะชอบความเจริญอาหารกับไม่ Aromatise และ Tren A เพราะเป็น Fat Loss ที่ดีมาก เข้าไวและออกไว และที่ไม่เอา Tren E เพราะ Long Ester จะแย่งตัวรับ Androgen กับ EQ ครับ

สัดส่วนการใช้ Test + EQ 1 ต่อ 1 ส่วน Tren A ก็ห้ามสูงกว่า หรือเท่า Test

Test E 500 mg + Eq 500 mg + Tren A 200 mg ควรเสริม Tren A หลังใช้ EQ เกิน 8 Weeks เพราะยามันพีคช้า ถ้ารีบใส่มันจะช้ากว่าเดิม
วิธีการฉีด Test กับ EQ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ส่วน Tren A ก็ EOD เป็นอย่างน้อย ใครสิวเห่อก็ฉีดทุกวัน และใครตังเยอะ อยากฉีด HGH ก็แล้วแต่ท่านเลยครับ ดีแน่นอน

สรุป Recomp ช่วยอะไรและทำยังไง ?

  • หลักการใช้สำหรับเพิ่ม Muscle Mass และ Fat Loss
  • Test E + EQ + Tren A มีงบเยอะใส่ HGH

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Bodytech EQ 400 Undecylenate

Bodytech HGH 100 Human Growth Hormone

Bodytech Sarms RAD-140 Testolone 10mg 50tabs Ziplock

RAD-140 SARMs ช่วยอะไรบ้าง ?

Testolone หรือที่เราเรียกกันว่า RAD-140

RAD-140 หรือที่เรียกกว่า Testolone เป็นสารเสริมในกลุ่มของ Selective Androgen Receptor Modulators (SARMs) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อผลักดันการทำงานของรีเซ็ปเตอร์แอนโดนเจนในเนื้อเยื่อเฉพาะ โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดจากสเตอรอยด์แอนโดรเจนแบบดั้งเดิม

SARMs อย่างตัว RAD-140 และ SARMs ตัวอื่น ได้รับความนิยมในกลุ่มนักกีฬาและนักเล่นยิมเนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมัน โดยไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดจากสเตอรอยด์

Testolone (RAD-140) คำว่า RAD-140 หมายความว่าอย่างไร ?

คำว่า RAD-140 เป็นชื่อทางเคมีของสารเสริมที่เรียกว่า Testolone ซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มของ Selective Androgen Receptor Modulators (SARMs) ชื่อ RAD-140 ไม่ได้มีความหมายพิเศษในภาษาไทยหรือภาษาอื่น แต่เป็นชื่อที่ถูกกำหนดโดยบริษัทที่พัฒนาสารนี้ ซึ่งคือบริษัท Redius Health

RAD อาจมาจากชื่อของบริษัท (Radius Health) และ 140 อาจเป็นหมายเลขที่ใช้เป็นตัวแทนหรือรหัสสำหรับสารเสริมนี้ในระหว่างการพัฒนา อย่างไรก็ตามชื่อเฉพาะของสารเคมีหรือยามักจะถูกกำหนดโดยบริษัทที่พัฒนาและมักไม่มีความหมายทางภาษาทั่วไป

Testolone (RAD-140) Half Life กี่ชั่วโมง ?

สำหรับ RAD-140 Half-Life ของ RAD-140 อยู่ในช่วงประมาณ 12-24 ชั่วโมง แต่ควรทราบว่าข้อมูลเกี่ยวกับ RAD-140 และ SARMs ตัวอื่น ยังคงถูกศึกษาและประเมินอยู่ ดังนั้นควรปรึกษาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้งาน

Testolone (RAD-140) เพิ่มกล้ามเนื้อได้อย่างไร ?

Testolone (RAD-140) เป็นสารในกลุ่มของ Selective Androgen Receptor Modulators (SARMs) SARMs ถูกออกแบบมาเพื่อผลักดันการทำงานของรีเซ็ปเตอร์แอนโดรเจนในเนื้อเยื่อเฉพาะ โดยมีความหวังว่าจะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าสเตอรอยด์แอนโดรเจนแบบดั้งเดิม

เมื่อ RAD-140 ผลักดันการทำงานของรีเซ็ปเตอร์แอนโดรเจนในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ มันสามารถส่งสัญญาณให้กับร่างกายเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนและการเจริญเติบโตของเซลล์กล้ามเนื้อ ผลลัพธ์คือการเพิ่มขนาดและแรงของกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ RAD-140 ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดการสลายของกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถช่วยในการรักษากล้ามเนื้อและเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อในระยะยาว

Testolone (RAD-140) นักเพาะกายใช้ช่วงไหน ?

Testolone (RAD-140) เป็นสารในกลุ่มของ Selective Androgen Receptor Modulators (SARMs) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มกล้ามเนื้อและลดไขมัน ในวงการนักเพาะกาย SARMs อย่างตัว RAD-140 มักถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุประสงค์ในการเพิ่มกล้ามเนื้อและการตัดไขมัน

ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ (Bulking Phase) ในช่วงนี้นักเพาะกายมักจะเน้นการเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อและเพิ่มน้ำหนัก RAD-140 สามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์โปรตีนและการเจริญเติบโตของเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้ได้ผลดีในช่วงนี้

ช่วงตัดไขมัน (Cutting Phase) ในช่วงนี้นักเพาะกายจะเน้นการลดไขมันในร่างกายในขณะที่พยายามรักษาขนาดกล้ามเนื้อ RAD-140 มีคุณสมบัติในการลดการสลายของกล้ามเนื้อ (รักษามวลกล้ามเนื้อ) ทำให้เหมาะสำหรับช่วงตัดไขมันเพื่อรักษากล้ามเนื้อ

ปริมาณการใช้ Testolone (RAD-140) ควรใช้ปริมาณเท่าไหร่ ?

ตามที่ได้รับรายงานปริมาณการใช้ RAD-140 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปมักอยู่ในช่วง 10-30 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตามปริมาณที่แนะนำอาจแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์น้ำหนักตัวและประสบการณ์ของผู้ใช้

สรุปคุณสมบัติของ Testolone (RAD-140)

  • Testolone ชื่อทางบริษัทคิดต้นตั้ง RAD-140
  • ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ
  • ใช้ได้ช่วงเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและช่วงตัดไขมัน
  • ปริมาณที่ใช้ 10-30 มิลลิกรัมต่อวัน

Bodytech Sarms RAD-140 Testolone

Meditech Sarms RAD-140 Testolone

ถ้าใช้แค่ SARMs จัด Cycle ยังไงดี ?

ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ (Bulking Phase)

RAD-140 , RAD-150 ตัวนี้โครต Half Away ใช้ได้ในทุกช่วง คิดเสียว่ามันคือ Testosterone แบบกิน

มีงบเพิ่มมาหน่อยเสริมตัว Bulk เพิ่ม LGD-4033 , LGD-3033 ยกตัวอย่างเช่น RAD-140 + LGD-4033
ความแตกต่างของ LGD-3033 คือจะบวมน้ำหน่อยกว่า LGD-4033 แต่ Lean Muscle Mass ที่ได้จะมากกว่า LGD-4033 และลดไขมันได้ด้วย

ตัวเสริมอื่น เช่น Stenabol (SR-9009 , SR-9011)
ความแตกต่างของ SR-9009 VS GW-501516 ถ้าในแง่ของการลดไขมัน GW ทำได้ดีกว่า เพราะกระบวนการของมันต้องแตกไขมัน ส่วนกระบวนการของ SR-9009 จะเป็นการจับ Rev-ErbA ช่วยเพิ่มพวก Mitrocondria ซึ่งตัวนี้หน้าที่คือ สังเคราะห์ ATP ให้พลังงานกับเซลล์ในร่างกาย เลยเหมาะจะเป็น Pre-Workout มากกว่า

ส่วน MK-677 อยากเสริมเข้าไปด้วยก็ได้ไม่ใช่ปัญหา ยกตัวอย่าง Stack RAD-140 + LGD-4033 จบด้วย SR-9009 หรือ MK-677 ได้หมดแล้วแต่งบของแต่ละบุคคล ยกตัวอย่าง

  • RAD-140 + LGD-4033 + SR-9009
  • RAD-140 + LGD-4033 + MK-677
  • RAD-150 + LGD-3033 + SR-9011

ช่วงตัดไขมัน (Cutting Phase)

RAD-140 , RAD-150 ยังไม่จบกับตัวนี้ครับ เพราะเวิร์คมาก
S-4 สำหรับใครที่อยากได้กล้ามเนื้อแบบลีน แห้ง ไม่ใหญ่มาก ตัวนี้พัฒนามาจาก MK-2866 จะแห้งกว่า ใครอยากได้ฟิวก็ลองดูได้ครับ

GW-501516 , GW-0742 ของดีควบคู่กับการ Cardio เพิ่มตัวแตกไขมัน และเพิ่มระบบหายใจผ่านการแลกเปลี่ยนออกซิเจนที่ดีขึ้น (Cardiovascular)

เสริมอีกตัวที่ใช้ได้ดีช่วงลดไขมันอาจจะไม่ใช่ SARMs แต่ใช้ควบคู่กันไปได้ดีมาก Clenbuterol อาจจะ Effect เยอะหน่อย ศึกษาวิธีใช้ให้เป็นก็จะปลอดภัย และใช้ควบคู่กับ GW และตัวอื่นได้ผลดีแน่นอนครับ ยกตัวอย่าง

  • RAD-140 + S-4 + GW-501516
  • RAD-140 + GW-501516 + MK-677
  • RAD-140 + GW-501516 + Clen

Bodytech Sarms RAD-140 Testolone

Bodytech Sarms LGD-4033 Ligandrol

Bodytech Sarms GTX-007 , S-4 Andarine

Bodytech Sarms GW-501516 Cardarine

มือใหม่ควรจัด Cycle ยายังไงดี ?

บทความที่ทุกท่านกำลังจะอ่านต่อไปนี้ อาจจะไม่ได้เจาะลึกข้อมูลโปรไฟล์ยาแต่ละตัวมากเท่าไหร่

เพราะงั้นอ่านบทความนี้จบแล้ว อาจจะต้องไปหาข้อมูลตัวยาแต่ละตัวเพิ่มเติมด้วยนะครับ

PEDs (Performance-Enhancing Substances)

พอมีคำว่า Enchane นั่นหมายถึงมีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไป ถ้ารู้ Benefits ของแต่ละชนิดก็จะสามารถดึงประสิทธิภาพของยาออกมาได้อย่างเต็มที่ และประหยัดงบประมาณไปด้วยครับ

มาเริ่มต้นยาที่ต้องบอกว่าใช้ได้ในทุกสถานการณ์

Testosterone Enanthate เป็นยา Basic ที่ยืนพื้นได้นานที่สุดในวงการ เพราะเป็นยาหลักที่ใช้ง่าย และแค่ตัวเดียวก็เปลี่ยนชีวิตได้ด้วยซ้ำ 1-2 ขวดเห็นผล กล้ามเพิ่ม ขนาดเอวลด นอนหลับดี แถม Sex Drive ดีอีกด้วย ใครมีพื้นฐานของกล้ามเนื้อหรือมีโปรแกรมอาหาร โปรแกรมซ้อมที่ดีอยู่แล้ว ก็จะพัฒนาได้ดีอย่างก้าวกระโดดเพียงใช้ Testosterone Enanthate เพียงตัวเดียว

มาถึงบทความหลักของเรากันครับ การจัด Cycle ยายังไงดีให้ตอบโจทย์ในแต่ละช่วง ?

Testosterone Enanthate ตัวเดียวทำได้ทุกอย่างครับ Bulk หรือ Cut ก็ได้เพราะมันคือ Half Away
ยกเว้นจะอยากแห้งจัดแบบหนังติดกล้ามเลย อันนี้อาจจะเกินความสามารถของมันไปหน่อย คงต้องไปตัวที่มี Water Retention น้อยอย่างเช่น Testosterone Propionate

ช่วงเพิ่มกล้ามเนื้อ (Bulking Phase)

เพิ่ม EQ เข้าไปที่แนะนำ EQ เพราะความเจริญอาหารและความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อ
ผมแนะนำให้ทำ Front Load ด้วยจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอยาพีคนาน

ส่วน Deca ใช้เสริมไปใน Cycle ได้ครับ เวลา High Carbs มันทำให้ Strength เพิ่มขึ้นครับ ยกได้หนักขึ้น ใช้ Week 0.25-0.50 ก็ได้ ลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บ

ยาเม็ดแนะนำเป็น Dianabol (D-BOL) ก็ตอบโจทย์ ราคาถูกแต่ได้ผลมาก ส่วนใครที่ Estergen Sensitive อาจจะต้องพึ่ง T-BOL แทน

ทุกตัวที่กล่าวมาด้านบนสามารถใช้เดี่ยวได้หรือใช้ร่วมกันได้หมดขึ้นอยู่กับการวาง Stack ยกตัวอย่าง

  • Test E + EQ
  • Test E + Deca
  • Test E + EQ + Dianabol

HGH ใช้ได้ในทุกช่วง มีโกรทฮอร์โมนดีเสมอเพราะร่างกาย Hypertrophia Calories ได้ดีขึ้น ลดการสะสม Cal in เป็น Fatty Acid

ช่วงตัดไขมัน (Cutting Phase)

ยาเม็ด Clen + GW-501516 หรือ GW-0742 ที่แนะนำชุดนี้เพราะได้ผลและความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป Side Effect ที่แสดงออกภายนอกน้อย อธิบายแบบง่าย คือออกกำลังกายเท่าเดิมแต่ไขมันลดมากขึ้น ร่างกายดึงไขมันไปใช้ได้ดีขึ้น

ยาพวก Tren A, Tren E, Tren H
ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่ารับ Side Effect ของตัวยาไหนได้บ้าง ถ้าตัวสั้นก็อาจจะฮอร์โมน Swing หน่อย แต่ก็เห็นผลไวเพราะยาพีคเร็วกว่า Long Ester

ยาเสริม Anavar, Stano, HGH ก็ช่วยได้ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัด Stack ของแต่ละบุคคล ยกตัวอย่าง

  • Test P + Clen + GW-501516
  • Test P + Clen + GW-501516 + Anavar
  • Test P + Clen + GW-501516 + Anavar + Stano

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Bodytech Test P 100 Testostorone Propionate

เริ่มใช้ยาควรตรวจค่าเลือดอะไรบ้าง ?

การตรวจเลือดเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนที่จะเริ่มใช้หรือกำลังใช้ SARMs และ AAS ทุกชนิด

เพราะเราจะได้รู้ว่าร่างกายของเราพร้อมสำหรับการใช้ยามากน้อยแค่ไหน และถ้าใช้ไปแล้วเราจะได้เปรียบเทียบสุขภาพก่อนใช้กับหลังใช้ได้ครับ

รายการตรวจเลือดพื้นฐานสำหรับคนที่ใช้ SARMs และ AAS

  • ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด Complete Blood Count (CBC)
  • ค่าระดับน้ำตาลในเลือด Fasting Blood Sugar (FBS)
  • ค่าระดับน้ำตาลที่สะสมในเลือด (HbA1c)
  • ค่าระดับไขมัน (Cholesterol)
  • ค่าระดับไขมัน (Triglycerides)
  • ค่าระดับไขมันชนิดดี High-Density Lipoprotein (HDL)
  • ค่าระดับไขมันชนิดไม่ดี Low-Density Lipoprotein (LDL)
  • ค่ากรดยูริกในเลือด (Uric Acid)
  • ค่าการทำงานของตับ (SGPT, SGOT, ALP)
  • ค่าการทำงานของไต (BUN, Creatinine)

รายการตรวจค่าเลือดเพิ่มเติมสำหรับคนที่ใช้ SARMs และ AAS

Testosterone เหมาะสำหรับคนที่ใช้ SARMs และ AAS
ตรวจเพื่อเอาไว้อ้างอิงระดับ Testosterone ก่อนใช้ ระหว่างใช้ และหลังทำ PCT แล้วควรตรวจ Free Testosterone ร่วมด้วยเลยครับ

Estradiol (E2) เหมาะสำหรับคนที่ใช้ AAS
เพื่อเช็คความเสี่ยงในการเกิดไกโน (Gynecomastia) ไม่ว่าจะปัญหาอื่น สิว หรืออารมณ์ทางเพศน้อยลง

ฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone)
เหมาะสำหรับคนที่ใช้ Test กินหรือปัก ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 16 สัปดาห์
เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน LH ว่าระดับต่ำกว่าเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งเกิดจากการใช้ Test เป็นเวลานาน ถ้าหากฮอร์โมน LH น้อย ก็ควรได้รับการกระตุ้นด้วย HCG บ้าง

ค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดขึ้นอยู่กับสถานที่ในการตรวจ 1,000-2,000 บาท บวกลบ

Bodytech Test E 250 Testostorone Enanthate

Back to top
X